Federal Reserve System หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 Basis Points ส่งผลให้ Federal Funds Rate ของสหรัฐฯ เหลือกรอบ 4.00% -4.25% ในการประชุม FOMC ครั้งที่ 7 ของปี 2568 ซึ่งคณะกรรมการ FOMC มีมติไม่เป็นเอกฉัน ด้วยคะแนนเสียง 11 ต่อ 1 เสียง โดยอีกหนึ่งเสียงคือ Stephen Miran โหวตให้ลดดอกเบี้ย 50 Basis Points
การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในการประชุม FOMC ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของปี 2568 ซึ่งถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกจาก 3 ครั้ง ตามที่มีการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากในการประชุม FOMC ครั้งที่ 8 ของปี 2567 คณะกรรมการโดยเฉลี่ยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ในระดับที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 3.4% ภายในสิ้นปี 2568 (กรอบเป้าหมาย 3.25% ถึง 3.5%) หากเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลงไปตามที่คาดการณ์ไว้
เหตุผลที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่กรอบ 4.00% – 4.25% และจะยังคงเดินหน้าลดขนาดงบดุล (QT) ต่อไป มาจาก 2 ประเด็น คือ ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงและล่าสุดได้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง และความเสี่ยงด้านการจ้างงานที่ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจน และมีความเสี่ยงที่การจ้างงานจะแย่ลงมากขึ้น
โดยนาย Jerome Powell ประธาน Fed ระบุว่า “สมดุลของความเสี่ยง” (balance of risks) ได้เปลี่ยนไป ซึ่งตอนนี้ Fed ให้ความกังวลกับความเสี่ยงด้านการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่า จึงเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อประคองเศรษฐกิจ
สรุป ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการประชุม FOMC กันยายน 2568
ตลาดแรงงานอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการว่างงานขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.3% ตัวเลขการจ้างงานใหม่ชะลอตัวลงมาก เหลือเพียง 29,000 ตำแหน่งต่อเดือนในช่วง 3 เดือนล่าสุด ซึ่งต่ำกว่าระดับที่จำเป็นในการรักษาระดับการว่างงานให้คงที่ อีกทั้งอุปทานแรงงานเข้าสู่ตลาดน้อยลง และอุปสงค์การจ้างงานในตลาดแรงงานลดลงพร้อมกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ
เงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (PCE) ล่าสุดอยู่ที่ 2.7% และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) อยู่ที่ 2.9% โดยเงินเฟ้อในหมวดสินค้ากลับมาสูงขึ้น (ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากผลของภาษีศุลกากร) Fed มองว่าผลกระทบจากภาษีต่อเงินเฟ้ออาจเป็นแค่การปรับขึ้นของระดับราคาเพียงครั้งเดียว แต่ก็ต้องจับตาดูว่าจะกลายเป็นปัญหาเงินเฟ้อต่อเนื่องหรือไม่
การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ชะลอตัวลง ในครึ่งปีแรก GDP เติบโตประมาณ 1.5% ลดลงจาก 2.5% ในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ในขณะที่การลงทุนของภาคธุรกิจยังไปได้ดี
คาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
ในส่วนของคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) คณะกรรมการ Fed คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2025 อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 3.6% (กรอบเป้าหมาย 3.5% – 3.75% หรืออาจลดลงอีก 50 Basis Points ในอีก 2 การประชุม FOMC ที่เหลือในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม) และจะทยอยลดลงต่อเนื่องในปี 2026 และ 2027
อย่างไรก็ตาม Jerome Powell ยังคงย้ำว่าการดำเนินนโยบายในอนาคต “ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า” แต่จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา เพื่อหาจุดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการสนับสนุนการจ้างงานต่อไป
แถลงการณ์การประชุม FOMC ครั้งที่ 8 ของปี 2568
ตัวชี้วัดล่าสุดชี้ให้เห็นว่าการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก การจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและยังคงอยู่ในระดับสูง
คณะกรรมการมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อสูงสุดที่อัตรา 2 เปอร์เซ็นต์ในระยะยาว ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงสูง คณะกรรมการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงของทั้งสองฝ่ายภายใต้ภารกิจคู่ขนาน และประเมินว่าความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานได้เพิ่มขึ้น
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสมดุลความเสี่ยง คณะกรรมการจึงตัดสินใจลดช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนของรัฐบาลกลางลง 1/4 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลือ 4 ถึง 4-1/4 เปอร์เซ็นต์ ในการพิจารณาปรับช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนของรัฐบาลกลางเพิ่มเติม คณะกรรมการจะประเมินข้อมูลที่ได้รับ แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป และความสมดุลของความเสี่ยงอย่างรอบคอบ คณะกรรมการจะยังคงลดการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง ตราสารหนี้ของหน่วยงาน และหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกันโดยหน่วยงานต่อไป คณะกรรมการมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะสนับสนุนการจ้างงานสูงสุดและผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ 2%
ในการประเมินจุดยืนที่เหมาะสมของนโยบายการเงิน คณะกรรมการจะติดตามผลกระทบของข้อมูลที่ได้รับต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการพร้อมที่จะปรับจุดยืนของนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากมีความเสี่ยงที่อาจขัดขวางการบรรลุเป้าหมายของคณะกรรมการ การประเมินของคณะกรรมการจะพิจารณาข้อมูลที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงข้อมูลสภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงพัฒนาการทางการเงินและระหว่างประเทศ
Federal Reserve issues FOMC statement
Federal Reserve issues FOMC statement ฉบับเต็มและคณะกรรมการที่ลงคะแนนให้ลดและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากการแถลงข่าวของ Federal Reserve เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เวลา 2:00 p.m. (EST)
Recent indicators suggest that growth of economic activity moderated in the first half of the year. Job gains have slowed, and the unemployment rate has edged up but remains low. Inflation has moved up and remains somewhat elevated.
The Committee seeks to achieve maximum employment and inflation at the rate of 2 percent over the longer run. Uncertainty about the economic outlook remains elevated. The Committee is attentive to the risks to both sides of its dual mandate and judges that downside risks to employment have risen.
In support of its goals and in light of the shift in the balance of risks, the Committee decided to lower the target range for the federal funds rate by 1/4 percentage point to 4 to 4‑1/4 percent. In considering additional adjustments to the target range for the federal funds rate, the Committee will carefully assess incoming data, the evolving outlook, and the balance of risks. The Committee will continue reducing its holdings of Treasury securities and agency debt and agency mortgage‑backed securities. The Committee is strongly committed to supporting maximum employment and returning inflation to its 2 percent objective.
In assessing the appropriate stance of monetary policy, the Committee will continue to monitor the implications of incoming information for the economic outlook. The Committee would be prepared to adjust the stance of monetary policy as appropriate if risks emerge that could impede the attainment of the Committee’s goals. The Committee’s assessments will take into account a wide range of information, including readings on labor market conditions, inflation pressures and inflation expectations, and financial and international developments.
Voting for the monetary policy action were Jerome H. Powell, Chair; John C. Williams, Vice Chair; Michael S. Barr; Michelle W. Bowman; Susan M. Collins; Lisa D. Cook; Austan D. Goolsbee; Philip N. Jefferson; Alberto G. Musalem; Jeffrey R. Schmid; and Christopher J. Waller. Voting against this action was Stephen I. Miran, who preferred to lower the target range for the federal funds rate by 1/2 percentage point at this meeting.
ข้อมูลอ้างอิงจาก